To Be and To Have (Être et avoir)
ห้องเรียนที่มีความสุขที่สุดโลก
Etre et avoir หรือ To Be and To Have หนังสารคดีฝรั่งเศสของผู้กำกับ Nicolas Philibert เกี่ยวกับคุณครูผู้อุทิศตัวให้กับการเป็นครูชนบทห่างไกลมาตลอด20ปี ไอเดียเกี่ยวกับระบบการศึกษาของผู้กำกับที่พยายามถ่ายทอดความสัมพันธ์ของครูกับนักเรียน “ครู” เพียงคนเดียวของโรงเรียน ในแคว้น Auvergne ชนบทเล็กๆของประเทศฝรั่งเศสที่มีสภาพธรรมชาติแวดล้อมสวยจนแทบหยุดลมหายใจ นักเรียนเพียง 13 คน เด็กเล็ก เด็กโต ปะปนเรียนหนังสือด้วยกัน .. ภายในห้องๆเดียว
ถ้าคุณชอบดูหนังสารคดีตื่นเต้นท้าทาย บอกไว้ก่อนว่า To Be and To Have คือหนังสารคดีที่ดำเนินเรื่องได้เนิบนาบน่าเบื่อชวนง่วงเป็นที่สุด แต่ว่า…มันเป็นหนังมีค่าที่พาให้ผู้ใหญ่ย้อนกลับไปพิจารณาวิธีที่พวกเราปฏิบัติกับเด็กๆ เราสวมหัวใจของความเป็นเด็กมากพอที่จะเข้าถึงพวกเขารึยัง? ครูเพียงคนเดียวห้องเรียนเล็กๆแสนน่ารักที่เต็มไปด้วย กระดาน ดินสอสี เต่า ปลา สูตรคูณ ถูกแบ่งเป็น 2 มุม มุมเด็กเล็ก และมุมเด็กโต
ครู กลับใช้ข้อจำกัดเรื่องสถานที่ได้อย่างชาญฉลาด การที่มีเด็กต่างวัยมาอยู่รวมกัน คือโอกาสดีที่จะฝึกทบทวนวิชาที่เรียนผ่านมาด้วยการให้เด็กโตดูแลเด็กเล็ก คือเทคนิคการฝึก “จิตอาสา” และเรียนรู้การอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่าง การมีนักเรียนเพียง10กว่าคนคือข้อได้เปรียบโรงเรียนใหญ่ก็ตรงที่ครูสามารถสอนแบบถึงตัวและประเมินผลนักเรียนทีละคน
การมีเด็กหลากหลายวัยมาอยู่รวมกัน ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องวุ่นวายชวนปวดหัว ชกต่อย ล้อเลียน กลั่นแกล้ง ปัญหาส่วนตัวของเด็กโตที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยรุ่น คือเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นทุกวัน ส่วนตัวชอบกลวิธีที่ครูพูดคุยกับเด็กๆมาก ประโยคธรรมดา แบนๆ ไร้มิติ แต่อธิบายเรื่อง “ ตัวเรา “ อย่างนุ่มนวลและอบอุ่น….
ครู Lopez บอกว่า เขามีความสุขกับการได้เล่นเป็นครูตั้งแต่เด็กๆ รู้สึกอยากเป็นครู อยากอยู่กับเด็กมาตลอดชีวิต การได้เป็นครูตามที่ใฝ่ฝันทำให้เขามีความสุขจนไม่อาจจะทำงานอย่างอื่นได้แล้ว โลกทุกวันนี้ คงจะหาครูจากหัวใจแบบนี้ได้ยากเหลือเกิน
ในยามผู้ปกครองทุกข์ร้อนกับพฤติกรรมเก็บตัวของลูกสาวที่กำลังเปลี่ยนจากเด็กเป็นสาวรุ่น วิ่งโร่มาปรึกษาครู… “ ในฐานะที่เป็นแม่ คุณจะขุ่นเคืองกับเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงของลูกมีค่ามาก ผมว่าเป็นเรื่องดีที่คุณได้เห็นเธอมีพัฒนาการถึงเธอจะห่างเหินคุณไปซักหน่อย “
ลูกศิษย์ที่เจอปัญหาภายในครอบครัว ยังมีครูที่เป็น วัคซีนทางใจให้เด็กค้นพบความสุขของชีวิต “ความเจ็บปวดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต พวกเธอต้องยอมรับความจริงให้ได้ ”
ฉากน่ารักมากๆๆ เห็นจะเป็นตอน หนู Alise โดนเพื่อนฉกยางลบไปกับมือขณะกำลังเพลินกับการจัดเรียงยางลบสุดหวง สีหน้าAlise เลิ่กลั่กๆมองหาครูเตรียมฟ้องเต็มที่ แต่ครูกลับไม่เห็นซะนี่ …กับฉาก”โฌโฌ”เด็กตัวเล็กถูกเพื่อนผลักหกล้มเสื้อผ้าเปื้อนโคลนร้องไห้จ้า…. ”อย่างนี้เราก็อดเล่นสเก็ตกันพอดี ! ” แล้วรีบวิ่งไปฟ้องครู เป็นเรื่องให้ครูต้องมาไกล่เกลี่ยปัญหาระดับชาตินี้อย่างเร่งด่วน
การค้นพบสิ่งที่ต่างออกไปจากห้องเรียน ในช่วงเวลาโปรดที่สุดสำหรับวัยเยาว์… เล่นสกี ,ยกโขยงครอบครัวของเหล่าลูกศิษย์ไปปิกนิกท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจีสุดสายตา , ได้ตอกไข่ด้วยความตื่นเต้นจนลืมเลือนเวลา , หัดกลับข้างแพนเค้กด้วยการโยน, ทัศนะศึกษาห้องสมุดนอกสถานที่ ” ถ้าพวกเธอเดินดูหนังสือไม่ทั่วห้อง เธออาจจะไม่ได้เจอกับหนังสือที่จะเป็นเล่มโปรดของเธอนะ” เป้าหมายของกิจกรรมต่างๆนาๆก็ “เพื่ออยู่รอดบนโลกใบนี้” ไม่แปลกเลยที่เด็กในชนบทเหล่านี้จะสามารถขับรถแทรกเตอร์คันใหญ่ ช่วยงานพ่อแม่ได้เทียบเท่ากับผู้ใหญ่ทีเดียว…นี่คือข้อได้เปรียบของชนบทที่เป็นเหมือนอุทยานการเรียนรู้ ของพวกเขา
อันที่จริง การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ ไม่จำเป็นต้องมีสภาพแบบชนบทอย่างเดียวเท่านั้น (แต่มันช่วยให้เด็กๆเห็นภาพได้ง่ายขึ้น) นึกอยากให้มีโรงเรียนบ่มเพาะ EQแบบนี้ในประเทศเราเยอะๆ เด็กจะได้อยากไปโรงเรียนมากขึ้น
Pattrawadee Tanaluk